การผลัดผิว

การทำ Chemical Peeling


      การผลัดผิวเป็นการใช้สารในกลุ่มแอลฟาไฮดรอกซี่แอซิด  AHA (Alpha Hydroxy Acid) ในระดับความเข้มข้นต่างๆ ตั้งแต่น้อยไปมากด้วยหลักการการใช้น้ำยา AHA  เป็นการกระตุ้นทำให้เซลล์ชั้นผิวหนังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชั้นหนังกำพร้ามีการปรับผิวในชั้นบนแก้ปัญหาเรื่องรอยหมองคล้ำ คุณภาพ Keratohyalin ที่มีคุณภาพไม่สมบูรณ์ให้ลอกหลุดออกไป  นอกจากนั้นยังเป็นการกระตุ้นการแบ่งเซลล์ของ ชั้นผิวหนัง
Stratum Basale ให้มีการแบ่งตัวรวดเร็วขึ้นทดแทนชั้นผิวหนังข้างบนทำให้มีความ
แข็งแรงของ Keratohyalin เพื่อสร้างความนุ่มชุ่มชื้นและลดการสูญเสียน้ำของร่างกายออกไปทำให้ผิวหนังผิวหน้ารูปร่างดูเปล่งประกายนุ่มเมื่อสัมผัส รู้สึกมีสุขภาพผิวที่ดีอย่างชัดเจน  สามารถแก้ปัญหาเรื่องสีผิวไม่สม่ำเสมอและคุณภาพผิวแห้งหยาบกร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ


สอบถามรายละเอียด

การผลักสารเข้าชั้นผิว

การทำ Electroporation


     Electroporation คือการใช้สนามแม่เหล็กที่เกิดจากคลื่นวิทยุเหนี่ยวนำทำให้ผิวหนังเกิดช่องว่างขนาดใหญ่หรือต้นทุนในการเตรียมสารที่จะผลิตที่จะผลักไม่จำเป็นต้องติดประจุเหมือนกันทำ Iontophoresis ทำให้ขอบเขตการรักษาพยาบาลกว้างขึ้นสามารถดูแลผิวได้ง่ายขึ้นแต่อย่างไรก็แล้วแต่นิยมทำหลังจากการทำ Chemical Peeling แล้วเช่นกัน

    การทำElectroporation ส่วนใหญ่จะสามารถผลักสารเพื่อแก้ปัญหาผิวไม่ว่าจะเป็นปัญหาสีผิว ปัญหาคุณภาพผิวที่เสื่อมโทรมหย่อนคล้อยมีริ้วรอย รวมทั้งสามารถผลักสารที่ช่วยในการกระชับใบหน้าปรับรูปหน้าศาลที่ผลัดส่วนใหญ่ก็จะเป็นสารกลุ่ม วิตามินเอ วิตามินซี คอลลาเจนอีลาสติน ว่านหางจระเข้หรือ Aloe Vera Gel รวมทั้ง Filler Hyarulonic และสารอื่นๆที่ช่วยเสริมการรักษา สามารถกระทำบ่อยได้เท่าที่ต้องการ



สอบถามรายละเอียด

PROGRAM for Electroporation


SPEED WHITE

C O U R S E

1 ครั้ง

10 ครั้ง



สอบถามรายละเอียด



BLINK & WHITE

C O U R S E

1 ครั้ง

5 ครั้ง

10 ครั้ง


สอบถามรายละเอียด


การผลักวิตามินเข้าชั้นผิว

การทำ Iontophoresis


     Iontophoresis เป็นการใช้หลักการขั้วไฟฟ้าปริมาณ Voltage ต่ำเพื่อผลักเอาสารประกอบที่ต้องการเข้าสู่ชั้นผิวหนังชั้นลึกโดยเป็นการขยายช่องว่างระหว่างเซลล์ให้ห่างขึ้นและสามารถใช้สารที่มีขั้วไฟฟ้าติดสอดแทรกเข้าไประหว่างเซลล์จนถึงชั้นหนังแท้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นกว่าการทายาโดยทั่วไป โดยผลักเอาสารต้องการเข้าไปแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำลายเม็ดสีเมลานิน การใส่สารต้านอนุมูลอิสระ การให้กรดวิตามินเอ การให้สารเพื่อความนุ่มชุ่มชื้นเช่น Hyaluronic Acid หรือแม้แต่ Aloe Vera เพื่อปรับปรุงคุณภาพผิว



สอบถามรายละเอียด

PROGRAM for Iontophoresis


BRIGHT & WHITE TREATMENT

C O U R S E

1 ครั้ง

7 ครั้ง

15 ครั้ง


สอบถามรายละเอียด



การผลักวิตามินเข้าชั้นผิว

การทำ Phonotherapy


     การใช้เครื่องมือ Phonotherapy เป็นการผลักสารสำคัญหรือวิตามินเข้าสู้ชั้นหนังแท้และหนังกำพร้าโดยใช้คลื่นเสียง คลื่นเสียงเป็นคลื่นที่ต้องการตัวกลาง ดังนั้นการรักษาจึงจำเป็นต้องใช้เจลทาบริเวณผิวหนังเพื่อเป็นสื่อกลางของคื่นเสียงที่จะเข้าไปสั่นโมเลกุลของชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ให้แยกออกจากกันและสามารถผลักเอาสารหรือวิตามินสำคัญเข้าสู้ชั้นหนังแท้ได้ ทำให้ผลข้างเคียงในการรักษาแทบจะไม่มี 

     สำหรับสารที่ใช้ในการผลักส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มมอยเจอร์ไรเซอร์หรือสารบำรุง ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของสภาพผิวที่หย่อนคล้อย แห้งตึง ขาดการบำรุงเป็นหลัก  



สอบถามรายละเอียด

 

PROGRAM for Phonotherapy


PHONO (Eye)

C O U R S E

1 ครั้ง

7 ครั้ง


สอบถามรายละเอียด



PHONO (Face)

C O U R S E

1 ครั้ง

7 ครั้ง


สอบถามรายละเอียด


RF (Radio frequency)


     Radio Frequency  เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีการผสมกันหลายช่วงคลื่น จึงไม่จัดเข้าเป็นคุณสมบัติของเลเซอร์ คุณสมบัติของเลเซอร์คือมีคลื่นความถี่เฉพาะ มีระเบียบในทิศทางของแสง และมีการผสานกันของช่วงคลื่นทำให้ใช้พลังงานน้อยแต่ผลการรักษาดีเยี่ยมเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงของการใช้เลเซอร์ Radio Frequency เป็นช่วงคลื่นความถี่หลายช่วงคลื่น  เป็นช่วงคลื่นความถี่หลายช่วงคลื่นทิศ เป็นช่วงคลื่นความถี่หลายช่วงคลื่นทิศทางคลื่น และที่สำคัญต้องการตัวกลางดังนั้นหัว Radio Frequency จึงจำเป็นต้องสัมผัสตัวคนไข้สัมผัสผิวหนัง หรือสัมผัสอวัยวะที่ต้องการรักษา

     Radio Frequency เป็นการสร้างสนามแม่เหล็กเหนี่ยวนำทำให้เกิดการสั่นของโมเลกุลอนุภาคในเซลล์ ทำให้เกิดความร้อนในระดับต่ำๆ แต่อุณหภูมิไม่เกิน 45 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อเซลล์ Radio Frequency ไม่นับเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหรือเลเซอร์แต่จัดเป็น Energy Based Device ชนิดหนึ่ง การใช้งานจึงมีความยุ่งยากเล็กน้อย

การพัฒนา Radio Frequency บวกกับการทำการตลาด จึงทำให้คนไข้หรือผู้มาใช้บริการเข้าใจผิดโดย Radio Frequency จะผลิตมาในหลากหลายยี่ห้อ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ผลการรักษาไม่แตกต่างกันมากนัก และที่สำคัญที่สุดต้องมีการประเมินสภาพใบหน้า 

รู้กายวิภาคของใบหน้า และรู้ปัญหาของใบหน้าคนไข้เป็นอย่างดี รวมทั้งต้องมีความชำนาญประสบการณ์ในการดูแลรักษา 

       Medicare Clinic ได้มีการอบรมแพทย์ในการใช้ Radio Frequency  รวมทั้งเจ้าหน้าที่บุคลากรทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นพยาบาลวิชาชีพที่มีประสบการณ์ในการดูแลเป็นอย่างดี ผลข้างเคียงของการทำ Radio Frequency มีน้อยมาก เมดิแคร์แนะนำให้ทำ Radio Frequency ต่อเนื่อง ในช่วงแรกประมาณ 4-5 ครั้ง โดยในช่วงแรกอาจทำทุก 1 สัปดาห์ และห่างออกทุก 2 สัปดาห์ กรณีคนไข้ที่มีความหย่อนคล้อยหรือผิวหน้าไม่กระชับมาก อาจพิจารณาทำในจำนวนมากกว่านั้น อาจร่วมด้วยกับการรักษาใบหน้า หรือดูแลโดยการผสมผสานวิธีการรักษาอื่นด้วย



สอบถามรายละเอียด

PROGRAM for RF


RF-FACE

C O U R S E

1 ครั้ง

5 ครั้ง


สอบถามรายละเอียด





Vaginal X Firm (RF)

C O U R S E

1 ครั้ง


สอบถามรายละเอียด




RF-BODY

C O U R S E

1 ครั้ง

5 ครั้ง


สอบถามรายละเอียด






Copyright ® 2024 medicare.co.th

คลินิกเวชกรรมเมดิแคร์

ต้นแบบการปรับรูปหน้าด้วย
 "BOTULINUM TOXIN"


ติดต่อเรา / Contact Us

3230 ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310

   : 02 319 2525 

 https://www.facebook.com/medicareclinic 
  @medicare_clinic

LINE  @medicareclinic
TIKTOK : @medicare.clinic

Clinic Service  


ปัญหาสีผิว                                     

ปัญหาผิวเสื่อมสภาพ                                      

ปัญหารูปหน้า                                                  ปัญหาผิวอื่นๆ        

ความงามทางนารีเวช   

Sex / เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ       

หัตถการแพทย์   

ศัลยกรรมความงาม    

หัตถการปรนนิบัตรผิว       

________________________________


 M-CLUB

 Contact Us

                                                                                                                   



เว็บไซต์ในเครือ


VAGI สูตินรีเวช


Medicare Cosmetics



Copyright ® 2024 - medicare.co.th