เสริมจมูก
(Rhinoplasty)
การเสริมจมูกด้วยซิลิโคน นับเป็นการผ่าตัดที่เป็นที่นิยมอันดับ 1 ของคนไทย เนื่องจากคนไทยมักมีปัญหาเรื่องสันจมูกต่ำปีกจมูกแบน การผ่าตัดเสริมจมูกด้วยซิลิโคน ถือว่าเป็นที่นิยมและง่ายต่อการทำผ่าตัด การทำผ่าตัดด้วยซิลิโคนเสริมจมูกอาจแบ่งออกเป็น 2 เทคนิค
1 Closed Rhinoplasty (Endonasal Rhinoplasty)
2 Opened Rhinoplasty
Closed Rhinoplasty
เป็นการผ่าตัดโดยไม่เปิดสันจมูก เป็นการเปิดรูเข้าที่โพรงจมูกที่บริเวณส่วนปลายล่าง โดยทำการแยกชั้นผิวหนังออกจากกระดูกอ่อนปีกจมูก Lower Lateral Cartilage แทรกเข้าไปบริเวณแนวกลางสันจมูก โดยอยู่เหนือกระดูกอ่อนส่วนล่างที่เรียกว่า Upper Lateral Cartilage และจากนั้นก็แยกชั้นไปถึงเยื่อหุ้มกระดูกสันจมูก Nasal Bone โดยเซาะสุดปลายไปถึงจุดต่ำสุดของกระดูกจมูกระหว่างหัวตา
สิ่งเทียมอุปกรณ์ที่สอดเข้าไป มักนิยมใช้แท่งซิลิโคน ซึ่งหากเป็นคุณหมอรุ่นเก่าก็อาจมีศิลปะในการเหลาแท่งซิลิโคน ซึ่งถือว่าเป็นงานศิลปะที่สำคัญ สามารถปรับเปลี่ยนให้เข้าตามสภาพหน้าได้ถือเป็นงาน Handmade เลยทีเดียว นอกจากนั้น อาจมีการนิยมนำเอากระดูกอ่อนใบหูมาทำปลายจมูก เพื่อไม่ให้ปลายจมูกทะลุ แม้แต่ตัวสันจมูกเองก็อาจมีการผ่าตัดนำเอากระดูกอ่อนซี่โครงมาเหลาทำเป็นสันจมูกได้เช่นกัน แต่จำเป็นต้องใช้คุณหมอที่มีประสบการณ์และมีศิลปะในการผ่าตัดเป็นอย่างสูง ปัจจุบันมีซิลิโคนสำเร็จรูป ซึ่งทำขายเป็นไซส์ต่างๆ ง่ายสะดวกต่อการสอดใส่และปรับเข้าไป แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ก็ยังจำเป็นต้องใช้ศิลปะในการเหลาหรือปรับแต่งแท่งซิลิโคนให้เหมาะกับใบหน้าแต่ละคน แน่นอนว่าการซื้อเสื้อโหลไซส์มาตรฐาน size S, M, L หรือ XL อาจง่ายต่อผู้ผลิตแต่การตัดเย็บโดย Taylor Made หรือ made to order นับเป็นศิลปะที่สำคัญสำหรับแพทย์ เพราะแพทย์ถือเป็นผู้ประกอบโรคศิลปะ นอกเหนือจากความรู้ทางวิชาการในการรักษาแล้ว ยังต้องมีศิลปะในการบริหารวิชาการแพทย์ให้เกิดความสวยงาม นับเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงเลยทีเดียว
Closed Rhinoplasty
ปกติการผ่าตัดเสริมจมูกแบบปิด ใช้เวลาโดยเฉลี่ยประมาณ 30 ถึง 45 นาที โดยสามารถใช้ยาเฉพาะที่ บล็อคบริเวณที่เสริมจมูกได้ ทำให้รู้สึกชา ไม่เจ็บ เพียงพอต่อการสอดแท่งซิลิโคน หรือกระดูกเทียมเข้าไปได้โดยไม่มีปัญหา จากประสบการณ์เมดิแคร์ที่เคยทำผ่าตัดมาสามารถทำได้เร็วสุดภายใน 15 นาที โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน
ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยหลังการผ่าตัดแบ่งออกเป็น 2 ระยะ
ระยะที่ 1 คือ หลังผ่าตัด 24-48 ชั่วโมงได้แก่ เลือดไหลไม่หยุดห้อเลือด /อาการบวม /การติดเชื้อ
ระยะที่ 2 คือ ปฏิกิริยาต่อต้านของซิลิโคนหรือสิ่งอุปกรณ์เทียม / จมูกแดงบางทะลุ/และการติดเชื้อเรื้อรัง จนทำให้เกิดรีแทค Nose หรือปลายจมูกยุบ ปลายจมูกบาน ซึ่งสามารถแก้ไขได้ในชั้นต้น คือ การนำซิลิโคนออกโดยทันที รอเวลาให้แผลหายสนิทประมาณ 2 เดือน และทำการเสริมจมูกใหม่อีกครั้ง
Medicare มีประสบการณ์ในการทำ Closed Rhinoplasty มาต่อเนื่องอาจไม่สามารถจัดได้เป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย แต่ก็มีการทำต่อเนื่องเรื่อยมา และมีภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก แพทย์ผู้ทำการผ่าตัดเป็นแพทย์เฉพาะทาง Facial Plastic / แพทย์เฉพาะทางหูคอจมูก /และมีส่วนหนึ่งเป็นแพทย์เวชศาสตร์ที่มีประสบการณ์ในการผ่าตัดเสริมจมูก Medicare มีการควบคุมมาตรฐานในห้องผ่าตัด ความสะอาดห้องผ่าตัด เครื่องมือผ่าตัดที่ได้มาตรฐานสะอาดปลอดภัย เครื่องมือช่วยชีวิตไม่ว่าจะเป็นเครื่องดมยา เครื่องฟื้นคืนชีพ หรือ CPR ทำให้ผู้มาใช้บริการสามารถสบายใจกับการรักษาที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน
Opened Rhinoplasty
การเสริมจมูกโดยแบบเปิด คือเป็นการเปิดโพรงจมูกทั้ง 2 รูพร้อมกัน และตัดแกนจมูก หรือบริเวณที่เรียกว่า Columella ซึ่งเป็นการเปิดจนเห็นแผ่นจมูกกลางหรือ Septal Cartilage ต้องอาศัยแพทย์เฉพาะทาง หรือแพทย์ผู้มีประสบการณ์ มักใช้ในการแก้ปัญหาจมูกที่ทำมาแล้วมีภาวะแทรกซ้อน หรือคนไข้ที่มีรูปร่างผิดปกติของโครงจมูกไม่ว่าจะเป็นโครงจมูกเบี้ยว โครงจมูกสั้น โครงจมูกต่ำมาก ทำให้ต้องมีการปรับแต่งกระดูกส่วนกลาง ทำให้แนวสันจมูกอยู่ในแนวตรง
การผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิดมักใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 1-2 ชั่วโมงโดยเฉลี่ย มิใช่ว่าทำได้ยากแต่การปรับแต่งให้แนวแกนจมูกอยู่ในระดับตรง ต้องมีการเก็บกระดูกอ่อนมาจากหลังใบหู หรือซี่โครง ซึ่งทำให้มีกระบวนการเก็บกระดูกอ่อนใช้เวลาเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 30 นาที
การผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิดแนะนำให้ทำการผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ หรือการใช้ยาสลบเข้าเส้นโดยเน้นที่การมีมาตรฐานในการดูแลรักษา เมื่อมีการผ่าตัดแบบเปิดจะมีวิสัญญีแพทย์ หรือหมอดมยาสลบดูแลในทุกรายเพื่อสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยในการผ่าตัด
PROGRAM สำหรับศัลยกรรมจมูก
วิธีดูแลตัวเองหลังทำจมูก
1. นอนหนุนหมอนให้สูงขึ้น เวลาพักผ่อนควรเสริมหมอนที่ใช้รองคอให้สูงขึ้นติดต่อกัน
อย่างน้อย 2 วันเพื่อลดอาการบวม
2. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำด้วยน้ำอุ่นจัด หรือทำให้บริเวณผ้าที่ปิดแผลเปียก เพราะอาจทำให้
แผลหายช้า
3. หลีกเลี่ยงการแกะแผลใด ๆ ที่บริเวณตาจนกว่าแพทย์จะให้นำเฝือกออกได้
4. หลีกเลี่ยงการเกิดแรงดันที่จมูก เช่นการจาม ควรจามแบบเปิดปาก และห้ามสั่งน้ำมูก
5. หลีกเลี่ยงฝุ่นและควัน หากเลี่ยงไม่ได้ควรใช้ผ้าปิดปากเพื่อป้องกัน
6. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ อย่างน้อย 4-6 สัปดาห์
7. รับประทานยาแก้ปวดเมื่อมีอาการปวด ยาที่สามารถใช้ได้ ได้แก่ ยาพาราเซตามอล หรือ
ยาแก้ปวดที่แพทย์สั่ง ควรหลีกเลี่ยงยาแอสไพรินและยาไอบูโพรเฟน
Copyright ® 2024 medicare.co.th
ต้นแบบการปรับรูปหน้าด้วย
"BOTULINUM TOXIN"
ติดต่อเรา / Contact Us
3230 ถนน เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร 10310
: 02 319 2525
: https://www.facebook.com/medicareclinic
: @medicare_clinic
LINE : @medicareclinic
TIKTOK : @medicare.clinic
Clinic Service
________________________________
Copyright ® 2024 - medicare.co.th
Message us